Friday, 2 August 2013

อนัตตลักขณะสูตร (หน้า ๑)

เอวัมเม  สุตัง
ข้าพเจ้า (คือพระอานนท์เถระ)  ได้สดับมาแล้วอย่างนี้,

เอกัง  สะมะยัง  ภะคะวา,
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า,

พาราณะสิยัง  วิหระติ
เสด็จประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันใกล้

อิสิปตะเน  มิคะทาเย,
เมืองพาราณาสี

ตัตระ  โข  ภะคะวา  ปัญจะวัคคิเย
ในกาลนั้นแล  พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสเตือน

ภิกขู  อามันเตสิ,
พระภิกษุปัญจวัคคีย์  ให้ตั้งใจฟังภาษิตนี้ว่า,

รูปัง  ภิกขะเว  อะนัตตา,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูป (คือร่างกายนี้) เป็นอนัตตา, (มิใช่ตัวใช่ตน)

รูปัญจะ  หิทัง  อภิกขะเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ก็ถ้ารูปนี้จักได้เป็น

อัตตา  อะภะวิสสะ,
อัตตา (ตน)  แล้ว,

นะยิทัง  รูปัง  อาพาธายะ
รูปนี้ก้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ

สังวัตเตยยะ,
(ความลำบาก),

ลัพเภถะ  จะ  รูปเป,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในรูปตามใจหวัง,

เอวัง  เม  รูปัง  โหตุ,
ว่ารูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  รูปัง  มา  อะโหสีติ,
รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุทั้งหลาย,

รูปัง  อะนัตตา,
รูปจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  รูปัง  อาพาธายะ  สังวัตตะติ,
เพราะเหตุนั้น  รูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  รูเป,
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไม่ได้ในรูปตามใจหวัง,

เอวัง  เม  รูปัง  โหตุ,
ว่ารูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  รูปัง  มา  อะโหสีติ,
รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย



เวทะนา  อะนัตตา,
เวทนา (คือความรู้สึกอารมณ์)  เป็นอนัตตา,

เวทะนา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ถ้าเวทนานี้จักได้เป็น

อัตตา  อะภะวิสสะ,
อัตตาแล้ว,

นะยิทัง  เวทะนา  อาพาธายะ  สังวัตเตยยะ,
เวทนานี้  ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะ  เวทะนายะ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในเวทนาตามใจหวัง,

เอวัง  เม  เวทะนา  โหตุ,
ว่าเวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  เวทะนา  มา  อะโหสีติ,
เวทนาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุทั้งหลาย,

เวทะนา  อนัตตา,
เวทนาจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  เวทะนา  อาพาธายะ  สังวัตตะติ,
เพราะฉะนั้น  เวทนาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  เวทะนายะ,
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไมได้ในเวทนาตามใจหวัง,

เอวัง  เม  เวทะนา  โหตุ,
ว่าเวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  เวทะนา  มา  อะโหสีติ,
เวทนาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,




สัญญา  อะนัตตา,
สัญญา (คือความจำ)  เป็นอนัตตา,

สัญญา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ก็ถ้าสัญญานี้จักได้

อัตตา  อะภะวิสสะ,
เป็นอัตตาแล้ว,

นะยิทัง  สัญญา  อาพาธายะ  สังวัตเตยยะ,
สัญญานี้  ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะสัญญายะ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในสัญญาตามใจหวัง,

เอวัง  เม  สัญญา  โหตุ,
ว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  สัญญา  มา  อะโหสีติ,
สัญญาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุุทั้งหลาย,

สัญญา  อะนัตตา,
สัญญาจึงเป็นอนัตตา,

สัญญา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อน  ภิกษุทั้งหลาย  ก็ถ้าสัญญานี้จักได้

อัตตา  อะภะวิสสะ,
เป็นอัตตาแล้ว,

นะยิทัง  สัญญา  อาพาธายะ  สังวัตเตยยะ,
สัญญานี้  ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะ  สัญญายะ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในสัญญาตามใจหวัง,

เอวัง  เม  สัญญา  โหตุ
ว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด

เอวัง  เม  สัญญา  มา  อะโหสีติ,
สัญญาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดภิกษุทั้งหลาย,

สัญญา  อะนัตตะ,
สัญญาจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  สัญญา  อาพาธายะ  สังวัตตะติ,
เพราะเหตุนั้น  สัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  สัญญายะ
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไม่ได้ในสัญญาตามใจหวัง

เอวัง  เม  สัญญา  โหตุ,
ว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  สัญญา  มา  อะโหสีติ,
สัญญาของเรา  อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,



สังขารา  อะนัตตา.
สังขารทั้งหลาย (คือสภาพที่เกิดกับใจ
ปรุงแต่งใจให้ดีบ้าง ชั่วบ้าง) เป็นอนัตตา,

สังขารา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อน  ภิกษุทั้งหลายก็ถ้าสังขารทั้งหลายนี้

สังขารา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ก็ถ้าสังขารทั้งหลายนี้

อัตตา  อะภะวิสสังสุ,
จักได้เป็นอัตตาแล้ว,

นะยิทัง  สังขารา  อาพาธายะ  สังวัตเตยยุง,
สังขารทังหลายนี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะ  สังขาาเรสุ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง,

เอวัง  เม  สังขารา  โหตุ,
ว่าสังขารของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  สังขารา  มา  อะโหสุนติ
สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุทั้งหลาย,

สังขารา  อะนัตตา,
สังขารทั้งหลายจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  สังขารา  อาพาธายะ
เพราะเหตุนั้นสังขารทั้งหลาย

สังวัตตะติ,
จักเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  สังขาเรสุ,
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง,

เอวัง  เม  สังขารา  โหตุ,
ว่าสังขารทั้งหลายของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  สังขารา  มา  อะเหสุนติ,
สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,




วิญญาณัง  อะนัตตา,
วิญญาณ (คือใจ)  เป็นอนัตตา,

วิญญาณัญจะ  หิทัง  ภิขะเว
ดูก่อน  ภิกษุทั้งหลาย  ก็วิญญาณนี้จักได้

อัตตา  อะภะวิสสะ,
เป็นอัตตาแล้ว,

นะยิทัง  วิญญาณัง  อาพาธายะ  สังวัตเตยยะ,
วิญญาณนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะ  วิญญาเณ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในวิญญาณตามใจหวัง,

เอวัง  เม  วิญญาณัง  โหตุ,
ว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  วิญญาณัง  มา  อะโหสีติ,
วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุทั้งหลาย,

วิญญาณัง  อะนัตตา,
วิญญาณจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  วิญญาณัง  อาพาธายะ  สังวัตตะติ,
เพราะเหตุนั้น วิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  วิญญาเณ,
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไม่ได้ในวิญญาณตามใจหวัง,

เอวัง  เม  วิญญาณัง  โหตุ,
ว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  วิญญาณัง  มา  อะโหสีติ,
วิญญาณของเราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,


  (ยังมีต่อ)



























No comments:

Post a Comment

Note: only a member of this blog may post a comment.