Sunday 4 August 2013

อนัตตลักขณะสูตร (หน้า ๓)

ตัสมาติหะ  ภิกขะเว,
เพราะเหตุนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย,

ยังกิญจิ  รูปัง,
รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง,

อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนัง,
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี,

อัชฌัตตัง  วา  พะหิทธา  วา,
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี,

โอฬาริกัง  วา  สุขุมัง  วา,
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี,

หีนัง  วา  ปะณีตัง  วา,
เลวก็ดี ประณีตก็ดี,

ยันทูเร  สันติเก  วา,
อันใดมีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี,

สัพพัง  รูปัง,
รูปทั้งหมดก็เป็นสักว่ารูป,

เนตัง  มะมะ,
นั่นไม่ใช่ของเรา,

เนโสหะมัสมี,
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่,

นะ  เมโส  อัตตาติ,
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้,

เอวะ  เมตัง  ยะถาภูตัง,
ข้อนี้ท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญา

สัมมัปปัญญายะ  ทัฏฐัพพัง,
อันชอบ ตามเป็นจริงแล้วอย่างนี้,


ยากาจิ  เวทะนา,
เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง,

อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนา,
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี,

อัชฌัตตัง  วา  พะหิทธา  วา,
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี,

โอฬาริกา  วา  สุขุมา  วา,
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี,

หีนา  วา  ปะณีตา  วา,
เลวก็ดี  ประณีตก็ดี,

ยา  ทูเร  สันติเก  วา,
อันใดมีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี,

สัพพา  เวทะนา,
เวทนาทั้งหมดก็เป็นสักว่าเวทนา,

เนตัง  มะมะ,
นั่นไม่ใช่เรา

เนโสหะมัสมี,
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่,

เอวะเมตัง  ยะถาภูตัง
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญา

สัมมัปปัญญายะ  ทัฏฐัพพัง,
อันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนี้,


ยากาจิ  สัญญา,
สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง,

อะตีตานาคะตะปัจจุปันนา,
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี,

อัชฌัตตังวา  พะหิทธา  วา,
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี,

โอฬาริกา  วา  สุขุมา  วา,
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี,

หีนา  วา  ปะณีตา  วา,
เลวก็ดี  ประณีตก็ดี,

ยา  ทูเร  สันติเก  วา,
อันใดมีในที่ไกลก็ดี  ในที่ใกล้ก็ดี,

สัพพา  สัญญา,
สัญญาทั้งหมดก็เป็นสักว่าสัญญา,

เนตัง  มะมะ,
นั่นไม่ใช่ของเรา,

เนโสหะมัสมิ,
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่,

นะ  เมโส  อัตตาติ,
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้,

เอวะเมตัง  ยะถาภูตัง,
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญา

สัมมัปปัญญายะ  ทัฏฐัพพัง,
อันชอบด้วย ตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น,


เย  เกจิ  สังขารา,
สังขารทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่ง,

อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนา,
ที่เป็นอีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี,

อัชฌัตตังวา  พะหิทธา  วา,
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี,

โอฬาริกกา  วา  สุขุมา  วา,
หยาบก็ดี  ละเอียดก็ดี,

หีนา วา  ปะณีตา  วา,
เลวก็ดี ประณีตก็ดี,

เย  ทูเร  สันติเก  วา,
เหล่าใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี,

สัพเพ  สังขารา,
สังขารทั้งหลายทั้งหมด ก็เป็นสักว่าสังขาร,

เนตัง  มะมะ,
นั่นไม่ใช่ของเรา,

เนโสหะมัสมิ,
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่,

นะ  เมโส  อัตตาติ,
นั่นไม่ใช่ตนของเราดังนี้,

เอวะเมตัง  ยะถาภูตัง
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญา

สัมมัปปัญญายะ  ทัฏฐัพพัง,
อันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น,


ยัง  กิญจิ  วิญญาณัง,
วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง,

อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนัง,
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี,

อัชฌัตตัง  วา  พิหิทธา  วา,
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี,

โอฬาริกัง  วา  สุขุมา  วา,
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี,

หีนัง  วา  ปะณีตัง  วา,
เลวก็ดี  ประณีตก็ดี,

ยันทูเร  สันติเก  วา,
อันใดมีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี,

สัพพัง  วิญญาณัง,
วิญญาณทั้งหมด ก็เป็นสักว่าวิญญาณ,

เนตัง  มะมะ,
นั่นไม่ใช่ของเรา,

เนโสหะมัสมิ,
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่,

นะ  เมโส  อัตตาติ,
นั่นไม่ใช่ตัวตนของเราดังนี้

เอวะเมตัง  ยะถาภูตัง
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญา

สัมมัปปัญญายะ  ทัฏฐัพพัง,
อันชอบ  ตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น ดังนี้,


เอวัง  ปัสสัง  ภิกขะเว
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย  อริยะสาวกผู้ได้สดับ

สุตวา  อะริยะสาวะโก,
แล้วเห็นอยู่อย่างนี้,

รูปัสมิงปิ  นิพพินทะติ,
ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป,

เวทะนายะปิ  นิพพินทะติ,
ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในเวทนา,

สัญญายะปิ  นิพพินทะติ,
ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในสัญญา,

สังขาเรสุปิ  นิพพินทะติ,
ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในสังขารทั้งหลาย,

วิญญาณัสมิงปิ  นิพพินทะติ,
ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในวิญญาณ,

นิพพินทัง  วิรัชชะติ,
เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด,

วิราคา  วิมุจจะติ,
เพราะคลายกำหนัด จิตก็พ้นจากความยึดมั่นถือมั่น,

วิมุตตัสมิง  วิมุตตะมิติ  ญาณัง  โหติ,
เมื่อจิดพ้นแล้ว  ก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่าเราพ้นแล้วดังนี้,

ขีณา  ชาติ  วุสิตัง  พรหมะจะริยัง
อริยะสาวกนั้นย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว

กะตัง  กะระณียัง  นาปะรัง
พรหมจรรย์เราได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ

อิตถัตตายาติ  ปะชานาตีติ,
เราได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี,

อิทะมะโวจะ  ภะคะวา,
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสธรรมปริยายสูตรอันนี้จบลงแล้ว,

อัตตะมะนา  ปัญจะวัคคิยา  ภิกขู,
พระภิกษุปัญจวัคคีย์ก็มีใจยินดี,

ภะคะวะโต  ภาสิตัง  อะภินันทุง,
เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า,

อิมัสมิญจะ  ปะนะ  เวยยะ
ก็แล เมื่อไวยยากรณ์ (เป็นผู้กระทำซึ่งอรรถะ

กะระณัสมิง ภัญญะมาเน,
ทั้งหลายให้แจ่มแจ้ง) นี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่,

ปัญจะวัคคิยานัง  ภิกขูนัง
จิตของพระภิกษุปัญจวัคคีย์

อะนุปาทายะ, อาสะเวหิ  จิตตานิ
พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย

วิมุจจิงสูติ.
ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทาน ดังนี้แล.


จบ  อนัตตลักขณสูตร

..................................................

คัดลอกจาก......หนังสือธรรมานุสรณ์
                         ทำวัตร  สวดมนต์  ธรรมภาวนา
วัดถ้ำแฝด ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี



















อนัตตลักขณะสูตร (หน้า ๒)

ตัง  กิง  มัญญะถะ  ภิกขะเว,
ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้น เป็นไฉนภิกษุทั้งหลาย,

รูปัง  นิจจัง  วา  อะนิจจัง  วาติ,
รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง,

อะนิจจัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง  วา  ตัง  สุขัง  วาติ,
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์  หรือเป็นสุขเล่า,

ทุกขัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง,
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์,

วิปะริณามะธัมมัง,
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา,

กัลลัง  นุ  ตัง  สะมะนุปัสสิตุง,
ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น,

เอตัง  มะมะ  เอโสหะมัสมิ,
ว่านั้นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่่

เอโส  เม  อัตตาติ,
นั่นเป็นตนของเรา,

โน  เหตัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความพิจารณาเห็น
อย่างนั้นไม่ควร  พระเจ้าข้า,


ตัง  กิง  มัญญะถะ  ภิกขะเว,
ท่านทั้งหลาย  ย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย,

เวทะนา  นิจจา  วา  อะนิจจา  วาติ,
เวทนา เที่ยงหรือไม่เที่ยง

อะนิจจัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง  วา  ตัง  สุขัง  วาติ,
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุขเล่า,

ทุกขัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง,
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์,

วิปะริณามะธัมมัง,
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา,

กัลลัง  นุ  ตัง  สะมะนุปัสสิตุง,
ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น,

เอตัง  มะมะ  เอโสหะมัสมิ,
ว่านั่นของเรา  เราเป็นนั่นเป็นนี่,

เอ  โส  เม  อัตตาติ,
นั่นเป็นตัวของเรา,

โน  เหตัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความพิจารณาเห็น
อย่างนั้นไม่ควร พระเจ้าข้า,


ตัง  กิง  มัญญะถะ  ภิกขะเว,
ท่านทั้งหลาย ย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย,

สัญญา  นิจจา  วา  อะนิจจา  วาติ,
สัญญา เที่ยงหรือไม่เที่ยง,

อะนิจจา  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง  วา  ตัง  สุขัง  วาติ,
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุขเล่า,

ทุกขัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน

วิปะริณามะธัมมัง,
ไปเป็นธรรมดา

กัลลัง  นุ  ตัง  สะมะนุปัสสิตุง,
ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น,

เอตัง  มะมะ  เอโสหะมัสมิ,
ว่านั่นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่,

เอ  โส  อัตตาติ,
นั่นเป็นตนของเรา,

โน  เหตัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความพิจารณาเห็น
อย่างนั้นไม่ควร พระเจ้าข้า,


ตัง  กิง  มัญญะถะ  ภิกขะเว,
ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย

สังขารา  นิจจา  วา  อะนิจจา  วาติ,
สังขารทั้งหลายเที่ยงหรือไม่เที่ยง,

อะนิจจา  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง  วาตังสุขัง  วาติ,
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า,

ทุกขัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง,
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์,

วิปะริณามะธัมมัง,
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา,

กัลลัง  นุ  ตัง  สะมะนุปัสสิตุง,
ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น,

เอตัง  มะมะ  เอโสหะมัสสมิ,
ว่านั่นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่,

เอโส  เม  อัตตาติ,
นั่นเป็นตนของเรา,

โน  เหตัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความพิจารณาเห็น
อย่างนั้น ไม่ควร พระเจ้าข้า,


ตัง  กิง  มัญญะถะ  ภิกขะเว,
ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน 
ภิกษุทั้งหลาย,

วิญญาณัง  นิจจัง  วา  อะนิจจัง  วาติ,
วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง,

อะนิจจัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง  วาตังสุขัง  วาติ,
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า

ทุกขัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า,

ยัมปะนานิจจัง  ทุกขัง,
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์,

วิปะริณามะธัมมัง,
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา,

กัลลัง  นุ  ตัง  สะมะนุปัสสิตุง,
ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น,

เอตัง  มะมะ  เอโสหะมัสสมิ,
ว่านั่นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่,

เอ  โส  เม  อัตตาติ,
นั่นเป็นตนของเรา,

โน  เหตัง  ภันเต,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความพิจารณาเห็น
อย่างนั้นไม่ควร พระเจ้าข้า,


(ยังมีต่อ)
















Friday 2 August 2013

อนัตตลักขณะสูตร (หน้า ๑)

เอวัมเม  สุตัง
ข้าพเจ้า (คือพระอานนท์เถระ)  ได้สดับมาแล้วอย่างนี้,

เอกัง  สะมะยัง  ภะคะวา,
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า,

พาราณะสิยัง  วิหระติ
เสด็จประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันใกล้

อิสิปตะเน  มิคะทาเย,
เมืองพาราณาสี

ตัตระ  โข  ภะคะวา  ปัญจะวัคคิเย
ในกาลนั้นแล  พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสเตือน

ภิกขู  อามันเตสิ,
พระภิกษุปัญจวัคคีย์  ให้ตั้งใจฟังภาษิตนี้ว่า,

รูปัง  ภิกขะเว  อะนัตตา,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูป (คือร่างกายนี้) เป็นอนัตตา, (มิใช่ตัวใช่ตน)

รูปัญจะ  หิทัง  อภิกขะเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ก็ถ้ารูปนี้จักได้เป็น

อัตตา  อะภะวิสสะ,
อัตตา (ตน)  แล้ว,

นะยิทัง  รูปัง  อาพาธายะ
รูปนี้ก้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ

สังวัตเตยยะ,
(ความลำบาก),

ลัพเภถะ  จะ  รูปเป,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในรูปตามใจหวัง,

เอวัง  เม  รูปัง  โหตุ,
ว่ารูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  รูปัง  มา  อะโหสีติ,
รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุทั้งหลาย,

รูปัง  อะนัตตา,
รูปจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  รูปัง  อาพาธายะ  สังวัตตะติ,
เพราะเหตุนั้น  รูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  รูเป,
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไม่ได้ในรูปตามใจหวัง,

เอวัง  เม  รูปัง  โหตุ,
ว่ารูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  รูปัง  มา  อะโหสีติ,
รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย



เวทะนา  อะนัตตา,
เวทนา (คือความรู้สึกอารมณ์)  เป็นอนัตตา,

เวทะนา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ถ้าเวทนานี้จักได้เป็น

อัตตา  อะภะวิสสะ,
อัตตาแล้ว,

นะยิทัง  เวทะนา  อาพาธายะ  สังวัตเตยยะ,
เวทนานี้  ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะ  เวทะนายะ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในเวทนาตามใจหวัง,

เอวัง  เม  เวทะนา  โหตุ,
ว่าเวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  เวทะนา  มา  อะโหสีติ,
เวทนาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุทั้งหลาย,

เวทะนา  อนัตตา,
เวทนาจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  เวทะนา  อาพาธายะ  สังวัตตะติ,
เพราะฉะนั้น  เวทนาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  เวทะนายะ,
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไมได้ในเวทนาตามใจหวัง,

เอวัง  เม  เวทะนา  โหตุ,
ว่าเวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  เวทะนา  มา  อะโหสีติ,
เวทนาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,




สัญญา  อะนัตตา,
สัญญา (คือความจำ)  เป็นอนัตตา,

สัญญา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ก็ถ้าสัญญานี้จักได้

อัตตา  อะภะวิสสะ,
เป็นอัตตาแล้ว,

นะยิทัง  สัญญา  อาพาธายะ  สังวัตเตยยะ,
สัญญานี้  ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะสัญญายะ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในสัญญาตามใจหวัง,

เอวัง  เม  สัญญา  โหตุ,
ว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  สัญญา  มา  อะโหสีติ,
สัญญาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุุทั้งหลาย,

สัญญา  อะนัตตา,
สัญญาจึงเป็นอนัตตา,

สัญญา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อน  ภิกษุทั้งหลาย  ก็ถ้าสัญญานี้จักได้

อัตตา  อะภะวิสสะ,
เป็นอัตตาแล้ว,

นะยิทัง  สัญญา  อาพาธายะ  สังวัตเตยยะ,
สัญญานี้  ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะ  สัญญายะ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในสัญญาตามใจหวัง,

เอวัง  เม  สัญญา  โหตุ
ว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด

เอวัง  เม  สัญญา  มา  อะโหสีติ,
สัญญาของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดภิกษุทั้งหลาย,

สัญญา  อะนัตตะ,
สัญญาจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  สัญญา  อาพาธายะ  สังวัตตะติ,
เพราะเหตุนั้น  สัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  สัญญายะ
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไม่ได้ในสัญญาตามใจหวัง

เอวัง  เม  สัญญา  โหตุ,
ว่าสัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  สัญญา  มา  อะโหสีติ,
สัญญาของเรา  อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,



สังขารา  อะนัตตา.
สังขารทั้งหลาย (คือสภาพที่เกิดกับใจ
ปรุงแต่งใจให้ดีบ้าง ชั่วบ้าง) เป็นอนัตตา,

สังขารา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อน  ภิกษุทั้งหลายก็ถ้าสังขารทั้งหลายนี้

สังขารา  จะ  หิทัง  ภิกขะเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ก็ถ้าสังขารทั้งหลายนี้

อัตตา  อะภะวิสสังสุ,
จักได้เป็นอัตตาแล้ว,

นะยิทัง  สังขารา  อาพาธายะ  สังวัตเตยยุง,
สังขารทังหลายนี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะ  สังขาาเรสุ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง,

เอวัง  เม  สังขารา  โหตุ,
ว่าสังขารของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  สังขารา  มา  อะโหสุนติ
สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุทั้งหลาย,

สังขารา  อะนัตตา,
สังขารทั้งหลายจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  สังขารา  อาพาธายะ
เพราะเหตุนั้นสังขารทั้งหลาย

สังวัตตะติ,
จักเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  สังขาเรสุ,
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง,

เอวัง  เม  สังขารา  โหตุ,
ว่าสังขารทั้งหลายของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  สังขารา  มา  อะเหสุนติ,
สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,




วิญญาณัง  อะนัตตา,
วิญญาณ (คือใจ)  เป็นอนัตตา,

วิญญาณัญจะ  หิทัง  ภิขะเว
ดูก่อน  ภิกษุทั้งหลาย  ก็วิญญาณนี้จักได้

อัตตา  อะภะวิสสะ,
เป็นอัตตาแล้ว,

นะยิทัง  วิญญาณัง  อาพาธายะ  สังวัตเตยยะ,
วิญญาณนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

ลัพเภถะ  จะ  วิญญาเณ,
อนึ่ง  สัตว์พึงได้ในวิญญาณตามใจหวัง,

เอวัง  เม  วิญญาณัง  โหตุ,
ว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  วิญญาณัง  มา  อะโหสีติ,
วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,

ยัสมา  จะ  โข  ภิกขะเว,
ก็เพราะเหตุใดแล  ภิกษุทั้งหลาย,

วิญญาณัง  อะนัตตา,
วิญญาณจึงเป็นอนัตตา,

ตัสมา  วิญญาณัง  อาพาธายะ  สังวัตตะติ,
เพราะเหตุนั้น วิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ,

นะ  จะ  ลัพภะติ  วิญญาเณ,
อนึ่ง  สัตว์ย่อมไม่ได้ในวิญญาณตามใจหวัง,

เอวัง  เม  วิญญาณัง  โหตุ,
ว่าวิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด,

เอวัง  เม  วิญญาณัง  มา  อะโหสีติ,
วิญญาณของเราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย,


  (ยังมีต่อ)