(ปุพพภาคนมการ)
นำ (หันทะมะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโร มะเส)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น,
อะระหะโต
ซึ่งเป็นผู้ไกลจกกิเลส,
สัมมาสัมพุทธัสสะ,
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
(ว่า ๓ ครั้ง)
( ๑. พุทธานุสสติ )
ตังโข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวัง
ก็กิตติศัพท์อันงามของพระผู้มีพระภาคเจ้า
กัลยาโณ กิตติ สัทโท อัพภุคคะโต,
นั้น ได้ฟุ้งไปแล้วอย่างนี้ว่า,
อิติปิ โส ภะคะวา,
เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น,
อะระหัง,
เป็นผู้ไกลจากกิเลส,
สัมมาสัมพุทโธ,
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,
วิชชาจะระณะสัมปันโน,
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ,
สุคะโต,
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี,
โลกะวิทู,
เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง,
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า,
สัตถา เทวะมะนุสสานัง,
เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย,
พุทโธ,
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม,
ภะคะวา ติ.
เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ดังนี้.
( ๒. พุทธาภิคีติ )
นำ ( หันทะ มะยัง พุทธาภิคีติง กะโรมะ เส. )
พุทธวาระหันตะวะตาทิคุณาภิ ยุตโต,
พระพุทธเจ้าประกอบด้วยคุณ มีความประเสริฐแห่งอรหันตคุณ เป็นต้น,
สุทธาภิ ญาณะกะรุณาหิ
มีพระองค์อันประกอบด้วยพระญาณ และ
สะมาคะตัตโต,
พระกรุณาอันบริสุทธิ์,
โพเธสิ โย สุชะนะตัง กะมะลัง
พระองค์ใด ทรงกระทำชนที่ดีให้เบิกบาน
วะ สูโร,
ดุจพระอาทิตย์ทำบัวให้บาน,
วันทามะหัง ตะมะระณัง สิระสา
ข้าพเจ้าไหว้พระชินสีห์ ผู้ไม่มีกิเลสพระองค์
ชิเนนทัง,
นั้น ด้วยเศียรเกล้า,
พุทโธ โย สัพพะปาณีนัง
พระพุทธเจ้าพระองค์ใด เป็นสรณะอันเกษม
สะระณัง เขมะมุตตะมัง,
สูงสุดของสัตว์ทั้งหลาย,
ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง วันทามิ
ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น อัน
ตัง สิเรนะหัง.
เป็นที่ตั้งแห่งความระลึก องค์ที่หนึ่งด้วยเศียรเกล้า,
พุทธัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า
พุทโธ เม สามิกิสสะโร,
พระพุทธเจ้าเป็นนายมีอิสระเหนือข้าพเจ้า
พุทโธ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา
พระพุทธเจ้าเป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรง
จะ หิตัสสะเม,
ไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า,
พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้
สะรีรัญชีวิตตัญจิทัง,
แด่พระพุทธเจ้า,
วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม ซึ่งความ
พุทธัสเสวะ สุ โพธิตัง,
ตรัสรู้ดีของพระพุทธเจ้า,
นัตถิเม สะระณัง อัญญัง พุทโธ
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าเป็น
เม สะระณัง วะรัง,
สรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ข้าพเจ้าพึงเจริญใน
วัฑเฒยยัง สัตถุสา สะเน,
พระศาสนาของพระศาสดา,
พทธัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ)
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระพุทธเจ้า ได้ขวน-
ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
ขวายบุญใดในบัดนี้
สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง
อันตรายทั้งปวงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดช
ตัสสะเตชะสา.
แห่งบุญนั้น,
*( (กราบ) กาเยนะ วาจายะ วะเจตะสา วา,
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี,
พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระพุทธเจ้า,
พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระพุทธเจ้า จงงดโทษล่วงเกินอันนั้น,
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ.
เพื่อการสำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้าในกาลต่อไป.
( ๓. ธัมมานุสสติ)
นำ (หันทะ มะยัง ธัมมานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส.)
(๔. ธัมมาภิคีติ)
นำ (หันทะ มะยัง ธัมมาภิคีติง กะโรมะ เส.)
สวากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสย (สัย) โย,
พระธรรมเป็นธรรมที่ประเสริฐ เพราะประกอบด้วยคุณ คือความที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นต้น,
โย มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะ เภโท,
เป็นธรรมอันจำแนกเป็น มรรค ผล ปริยัติ และนิพพาน
ธัมโม กุโลกะปะตะนา
เป็นธรรมทรงไว้จากผู้ทรงธรรม จากการตก
ตะทะธาริธารี,
ไปสู่โลกที่ชั่ว,
วันทามะหัง ตะมะหะรัง
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมอันประเสริฐนั้น อัน
วะระธัมมะเมตัง,
เป็นเครื่องขจัดเสียซึ่งความมืด,
ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง
พระธรรมใด เป็นสรณะอันเกษมสูงสุดของ
เขมะมุตตะมัง,
สัตว์ทั้งหลาย,
ทุติยานุสสติฏฐานัง วันทามิ ตัง
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น อันเป็นที่ตั้งแห่ง
สิเรนะหัง,
ความระลึก องค์ที่สอง ด้วยเศียรเกล้า,
ธัมมัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระธรรม พระธรรม
ธัมโม เม สามิ กิสสะโร,
เป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า,
ธัมโม ทุกขัสสะ ฆาตา จะ
พระธรรมเป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรงไว้
วิธาตาจะ หิตัสสะ เม,
ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า,
ธัมมัสสาหัง นิย (นี) ยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญ จิทัง,
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้ แด่พระธรรม
วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม ซึ่่งความ
ธัมมัสเสวะ สุธัมมะตัง,
เป็นธรรมดีของพระธรรม,
รัตถิ เม สะระณังอัญญัง
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระธรรมเป็น
ธัมโมเม สะระณัง วะรัง,
สรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ข้าพเจ้าพึงเจริญใน
สัตถุสาสะเน,
พระศาสนาของพระศาสดา,
ธัมมัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ)
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระธรรม ได้ขวนขวาย
ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
บุญใดในบัดนี้,
สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง
อันตรายทั้งปวงอย่ามีแก่ข้าพเจ้าด้วยเดช
ตัสสะ เตชะสา,
แห่งบุญนั้น
** (กราบ) กาเยนะ วาจายะ วะเจตะสาวา,
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก้ดี,
ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
กรรมอันน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วในพระธรรม
ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น,
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม.
เพื่อการสำรวมระวัง ในพระธรรมในกาลต่อไป.
(๕. สังฆานุสสติ)
นำ ( หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโร มะ เส.)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะ สังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะ สังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว,
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะ สังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว.
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะโต สาวะกะ สังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว,
ยะทิทัง,
ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ,
จัตตาริ ปุริสะยุคานิ
คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่, นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ
อัฎฐะปุริสะปุคคะลา,
(โสดาปฏิมรรค โสดาปฏิผล ฯลฯ),
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
นั่นแหละ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า,
อาหุเนยโย,
เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา,
ปาหุเนยโย,
เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ,
ทักขิเณยโย,
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน,
อัญชะลีกะระณีโย,
เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี,
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง-
เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
โลกัสสาติ.
ดังนี้
(๖. สังฆาภิคีติ )
นำ ( หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติ กะโรมะเส. )
สัทธัมมะโช สุปะฏิปัตติคุณาทิยุตโต,
พระสงฆ์ที่เกิดโดยพระสัทธรรม ประกอบด้วยคุณมีความปฏิบัติดีเป็นต้น,
โยฎฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฎโฐ,
เป็นหมู่แห่งพระอริยะบุคคลอันประเสริฐแปดจำพวก,
สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะ จิตโต,
มีกายและจิต อันอาศัยธรรมมีศีลเป็นต้น อันบวร,
วันทามะหัง ตะมะริยานะคะณัง สุสุทธัง,
ข้าพเจ้าไหว้หมู่แห่งพระอริยเจ้าเหล่านั้น อันบริสุทธิ์ด้วยดี,
สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง
พระสงฆ์ หมู่ใด เป็นสรณะอันเกษมสูงสุด
สระระณัง เขมะมุตตะมัง,
ของสัตว์ทั้งหลาย
ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง
ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น อันเป็นที่ตั้งแห่ง
สิเรนะหัง,
ความระลึกองค์ที่สามด้วยเศียรเกล้า,
สังฆัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระสงฆ์
สังโฆ เม สามิกิสสะโร,
พระสงฆ์เป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า,
สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ
พระสงฆ์เป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรงไว้ซึ่ง
วิธาตาจะ หิตัสสะ เม,
ประโยชน์แก่ข้าพเจ้า,
สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้ แด่พระสงฆ์,
สะรีรัญชีวิตัญ จิทัง วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ,
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม ซึ่งความ
สังฆัสโส ปะฏิปันนะตัง,
ปฏิบัติดีของพระสงฆ์
นัตถิเม สะระณัง อัญญัง สังโฆเม
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระสงฆ์เป็น
สะระณัง วะรัง,
สรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ข้าพเจ้าพึงเจริญใน
สัตถุสาสะเน,
พระศาสนาของพระศาสดา,
สังฆัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ)
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระสงฆ์ ได้ขวนขวาย
ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
บุญใด ในบัดนี้,
สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง
อันตรายทั้งปวง อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าด้วยเดช
ตัสสะ เตชะสา.
แห่งบุญนั้น.
** (กราบ) กาเยนะ วาจายะ วะเจตะสา วา,
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี,
สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระสงฆ์,
สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น,
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.
เพื่อการสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ ในกาลต่อไป.
(จบทำวัตรเย็น)
คัดลอกจาก.....หนังสือธรรมานุสรณ์
ทำวัตร สวดมนต์ ธรรมภาวนา
วัดถ้ำแฝด ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
นำ (หันทะมะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโร มะเส)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น,
อะระหะโต
ซึ่งเป็นผู้ไกลจกกิเลส,
สัมมาสัมพุทธัสสะ,
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
(ว่า ๓ ครั้ง)
( ๑. พุทธานุสสติ )
นำ (หันทะ มะยัง พุทธานุสสะติ นะยัง กะโรมะ เส.)
ตังโข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวัง
ก็กิตติศัพท์อันงามของพระผู้มีพระภาคเจ้า
กัลยาโณ กิตติ สัทโท อัพภุคคะโต,
นั้น ได้ฟุ้งไปแล้วอย่างนี้ว่า,
อิติปิ โส ภะคะวา,
เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น,
อะระหัง,
เป็นผู้ไกลจากกิเลส,
สัมมาสัมพุทโธ,
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,
วิชชาจะระณะสัมปันโน,
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ,
สุคะโต,
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี,
โลกะวิทู,
เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง,
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า,
สัตถา เทวะมะนุสสานัง,
เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย,
พุทโธ,
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม,
ภะคะวา ติ.
เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ดังนี้.
( ๒. พุทธาภิคีติ )
นำ ( หันทะ มะยัง พุทธาภิคีติง กะโรมะ เส. )
พุทธวาระหันตะวะตาทิคุณาภิ ยุตโต,
พระพุทธเจ้าประกอบด้วยคุณ มีความประเสริฐแห่งอรหันตคุณ เป็นต้น,
สุทธาภิ ญาณะกะรุณาหิ
มีพระองค์อันประกอบด้วยพระญาณ และ
สะมาคะตัตโต,
พระกรุณาอันบริสุทธิ์,
โพเธสิ โย สุชะนะตัง กะมะลัง
พระองค์ใด ทรงกระทำชนที่ดีให้เบิกบาน
วะ สูโร,
ดุจพระอาทิตย์ทำบัวให้บาน,
วันทามะหัง ตะมะระณัง สิระสา
ข้าพเจ้าไหว้พระชินสีห์ ผู้ไม่มีกิเลสพระองค์
ชิเนนทัง,
นั้น ด้วยเศียรเกล้า,
พุทโธ โย สัพพะปาณีนัง
พระพุทธเจ้าพระองค์ใด เป็นสรณะอันเกษม
สะระณัง เขมะมุตตะมัง,
สูงสุดของสัตว์ทั้งหลาย,
ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง วันทามิ
ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น อัน
ตัง สิเรนะหัง.
เป็นที่ตั้งแห่งความระลึก องค์ที่หนึ่งด้วยเศียรเกล้า,
พุทธัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า
พุทโธ เม สามิกิสสะโร,
พระพุทธเจ้าเป็นนายมีอิสระเหนือข้าพเจ้า
พุทโธ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา
พระพุทธเจ้าเป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรง
จะ หิตัสสะเม,
ไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า,
พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้
สะรีรัญชีวิตตัญจิทัง,
แด่พระพุทธเจ้า,
วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม ซึ่งความ
พุทธัสเสวะ สุ โพธิตัง,
ตรัสรู้ดีของพระพุทธเจ้า,
นัตถิเม สะระณัง อัญญัง พุทโธ
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าเป็น
เม สะระณัง วะรัง,
สรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ข้าพเจ้าพึงเจริญใน
วัฑเฒยยัง สัตถุสา สะเน,
พระศาสนาของพระศาสดา,
พทธัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ)
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระพุทธเจ้า ได้ขวน-
ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
ขวายบุญใดในบัดนี้
สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง
อันตรายทั้งปวงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดช
ตัสสะเตชะสา.
แห่งบุญนั้น,
*( (กราบ) กาเยนะ วาจายะ วะเจตะสา วา,
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี,
พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระพุทธเจ้า,
พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระพุทธเจ้า จงงดโทษล่วงเกินอันนั้น,
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ.
เพื่อการสำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้าในกาลต่อไป.
( ๓. ธัมมานุสสติ)
นำ (หันทะ มะยัง ธัมมานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส.)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว,
สันทิฏฐิโก,
เป็นธรรมที่ผู้ศึกษาและปฏืบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
อะกาลิโก,
เป็นธรรมที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล,
โอปะนะยิโก,
เป็นธรรมที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว,
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ติ.
เป็นธรรมที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้.
(๔. ธัมมาภิคีติ)
นำ (หันทะ มะยัง ธัมมาภิคีติง กะโรมะ เส.)
สวากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสย (สัย) โย,
พระธรรมเป็นธรรมที่ประเสริฐ เพราะประกอบด้วยคุณ คือความที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นต้น,
โย มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะ เภโท,
เป็นธรรมอันจำแนกเป็น มรรค ผล ปริยัติ และนิพพาน
ธัมโม กุโลกะปะตะนา
เป็นธรรมทรงไว้จากผู้ทรงธรรม จากการตก
ตะทะธาริธารี,
ไปสู่โลกที่ชั่ว,
วันทามะหัง ตะมะหะรัง
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมอันประเสริฐนั้น อัน
วะระธัมมะเมตัง,
เป็นเครื่องขจัดเสียซึ่งความมืด,
ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง
พระธรรมใด เป็นสรณะอันเกษมสูงสุดของ
เขมะมุตตะมัง,
สัตว์ทั้งหลาย,
ทุติยานุสสติฏฐานัง วันทามิ ตัง
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น อันเป็นที่ตั้งแห่ง
สิเรนะหัง,
ความระลึก องค์ที่สอง ด้วยเศียรเกล้า,
ธัมมัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระธรรม พระธรรม
ธัมโม เม สามิ กิสสะโร,
เป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า,
ธัมโม ทุกขัสสะ ฆาตา จะ
พระธรรมเป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรงไว้
วิธาตาจะ หิตัสสะ เม,
ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า,
ธัมมัสสาหัง นิย (นี) ยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญ จิทัง,
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้ แด่พระธรรม
วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม ซึ่่งความ
ธัมมัสเสวะ สุธัมมะตัง,
เป็นธรรมดีของพระธรรม,
รัตถิ เม สะระณังอัญญัง
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระธรรมเป็น
ธัมโมเม สะระณัง วะรัง,
สรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ข้าพเจ้าพึงเจริญใน
สัตถุสาสะเน,
พระศาสนาของพระศาสดา,
ธัมมัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ)
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระธรรม ได้ขวนขวาย
ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
บุญใดในบัดนี้,
สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง
อันตรายทั้งปวงอย่ามีแก่ข้าพเจ้าด้วยเดช
ตัสสะ เตชะสา,
แห่งบุญนั้น
** (กราบ) กาเยนะ วาจายะ วะเจตะสาวา,
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก้ดี,
ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
กรรมอันน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วในพระธรรม
ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น,
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม.
เพื่อการสำรวมระวัง ในพระธรรมในกาลต่อไป.
(๕. สังฆานุสสติ)
นำ ( หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโร มะ เส.)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะ สังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะ สังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว,
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะ สังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว.
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะโต สาวะกะ สังโฆ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว,
ยะทิทัง,
ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ,
จัตตาริ ปุริสะยุคานิ
คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่, นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ
อัฎฐะปุริสะปุคคะลา,
(โสดาปฏิมรรค โสดาปฏิผล ฯลฯ),
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
นั่นแหละ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า,
อาหุเนยโย,
เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา,
ปาหุเนยโย,
เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ,
ทักขิเณยโย,
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน,
อัญชะลีกะระณีโย,
เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี,
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง-
เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
โลกัสสาติ.
ดังนี้
(๖. สังฆาภิคีติ )
นำ ( หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติ กะโรมะเส. )
สัทธัมมะโช สุปะฏิปัตติคุณาทิยุตโต,
พระสงฆ์ที่เกิดโดยพระสัทธรรม ประกอบด้วยคุณมีความปฏิบัติดีเป็นต้น,
โยฎฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฎโฐ,
เป็นหมู่แห่งพระอริยะบุคคลอันประเสริฐแปดจำพวก,
สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะ จิตโต,
มีกายและจิต อันอาศัยธรรมมีศีลเป็นต้น อันบวร,
ข้าพเจ้าไหว้หมู่แห่งพระอริยเจ้าเหล่านั้น อันบริสุทธิ์ด้วยดี,
สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง
พระสงฆ์ หมู่ใด เป็นสรณะอันเกษมสูงสุด
สระระณัง เขมะมุตตะมัง,
ของสัตว์ทั้งหลาย
ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง
ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น อันเป็นที่ตั้งแห่ง
สิเรนะหัง,
ความระลึกองค์ที่สามด้วยเศียรเกล้า,
สังฆัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระสงฆ์
สังโฆ เม สามิกิสสะโร,
พระสงฆ์เป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า,
สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ
พระสงฆ์เป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรงไว้ซึ่ง
วิธาตาจะ หิตัสสะ เม,
ประโยชน์แก่ข้าพเจ้า,
สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้ แด่พระสงฆ์,
สะรีรัญชีวิตัญ จิทัง วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ,
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม ซึ่งความ
สังฆัสโส ปะฏิปันนะตัง,
ปฏิบัติดีของพระสงฆ์
นัตถิเม สะระณัง อัญญัง สังโฆเม
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระสงฆ์เป็น
สะระณัง วะรัง,
สรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ข้าพเจ้าพึงเจริญใน
สัตถุสาสะเน,
พระศาสนาของพระศาสดา,
สังฆัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ)
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระสงฆ์ ได้ขวนขวาย
ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,
บุญใด ในบัดนี้,
สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง
อันตรายทั้งปวง อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าด้วยเดช
ตัสสะ เตชะสา.
แห่งบุญนั้น.
** (กราบ) กาเยนะ วาจายะ วะเจตะสา วา,
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี,
สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระสงฆ์,
สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น,
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.
เพื่อการสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ ในกาลต่อไป.
(จบทำวัตรเย็น)
คัดลอกจาก.....หนังสือธรรมานุสรณ์
ทำวัตร สวดมนต์ ธรรมภาวนา
วัดถ้ำแฝด ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
No comments:
Post a Comment
Note: only a member of this blog may post a comment.